ประชาสัมพันธ์ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
โพสต์เมื่อ :27 กุมภาพันธ์ 2568

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากอะไร โรค พิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ “เรบีส์” (Rabies virus) เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายของคนหรือสัตว์ก็ตาม เชื้อไวรัสนี้จะเข้าไปฝังตัวอยู่ในระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สมองและเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดอาการอย่างรวดเร็วจนทำให้เสียชีวิตได้ และที่น่ากลัวที่สุดคือปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มียารักษา คนหรือสัตว์ที่ติดเชื้อนี้มีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง100 เปอร์เซ็นต์

การติดโรคและสัตว์อื่นที่เป็นพาหะ เชื้อ ไวรัสเรบีส์ปนอยู่ในน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อ และติดต่อ สู่คนผ่านทางบาดแผลหรือเนื้อเยื่ออ่อน สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ การถูกสุนัขกัด และน้อยคนนักที่จะทราบว่าคนที่ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าไม่จำเป็นต้องโดนกัด เสียจนเหวอะหวะ เพียงแค่ถูกสัตว์เลีย หรือข่วน หรือน้ำลายจากสัตว์ที่ติดเชื้อกระเด็นเข้าบาดแผล หรือเข้าตา จมูก ปาก ทวารหนัก หรือแม้แต่อวัยวะสืบพันธุ์ที่แม้จะไม่มีบาดแผลก็อาจทำให้ติดเชื้อโรคพิษ สุนัขบ้าได้เช่นกัน

เนื่องจากคนไทยเรียกโรคนี้ว่า โรคพิษสุนัขบ้า เป็นเหตุให้เรามักระวังแค่สุนัขเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ก็เป็นพาหะนำโรคพิษสุนัขบ้าได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แมว หนู กระต่าย กระรอก กระแต ลิง ชะนี วัว ควาย ค้างคาว เป็นต้น โดยทั้งหมดส่งต่อเชื้อผ่านทางน้ำลายด้วยการกัด เลีย หรือน้ำลายกระเด็นโดนได้เช่นเดียวกับสุนัข

วิธีสังเกตอาการของสัตว์ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า สัตว์ที่ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า มักมีอาการหลัก 2 ประเภท คือ

  1. ประเภทดุร้าย เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด จะดุร้าย พยายามไล่กัดคนหรือสัตว์อื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง หากโดนกักขัง อาจกัดโซ่ กัดกรง อย่างเกรี้ยวกราดจนฟันหัก ลิ้นเป็นแผลและมีเลือดออก อาการดุร้ายจะเกิดขึ้นเพียง 2-3 วัน หลังจากนั้นจะค่อยๆอ่อนเพลีย ขาหลังไม่มีแรง เดินโซเซ และตายในที่สุด
  2. ประเภทเซื่องซึม สังเกตอาการได้ยากมากเนื่องจาก มักไม่ไล่กัดผู้อื่นหากไม่ถูกรบกวน แต่จะเซื่องซึม ปากอ้าไม่ยอมหุบ ลิ้นมีสีแดงคล้ำห้อยออกมานอกปาก อาจลุกนั่ง ยืน และเดินไปมาบ่อย ๆ หรือกินของแปลก ๆ เช่น ใบไม้ ก้อนหิน หรือกินปัสสาวะของตัวเอง “เมื่อเห็นสัตว์เดินโซเซอยู่ตามท้องถนน ไม่ว่าจะมีท่าทางดุร้ายเกรี้ยวกราด หรือเซื่องซึม ก็ควรอยู่ให้ห่าง และเตือนคนรอบข้างให้ระวัง แล้วแจ้งหน่วยงานราชการหรือผู้เชี่ยวชาญให้มาจัดการทันที”

ทำอย่างไรเมื่อ....โดนกัดเข้าให้แล้ว

หลักที่ต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ เมื่อถูกกัดไม่ว่าแผลจะใหญ่หรือเล็กไม่ว่าจะมีเลือดออกหรือไม่ แค่รอยข่วน รอยช้ำเขียว หรือแค่ถูกเลียก็ตาม หากไม่แน่ใจว่าสัตว์ตัวนั้นฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแล้วหรือยัง ให้คิดไว้ก่อนเสมอว่าเป็นสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า และควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. รีบล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด เพื่อล้างเลือดและน้ำลายของสัตว์ออกจากแผล
  2. จากนั้นฟอกแผลด้วยสบู่ 2-3 ครั้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
  3. เช็ดบริเวณรอบบริเวณรอบแผลด้วยแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาโพวิโดนไอโอดีน หรือทิงเจอร์ไอโอดีน แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนภายในวันนั้นทันที
  4. หากเป็นไปได้ ให้จับสัตว์ตัวนั้นขังกรง และเฝ้าสังเกตอาการของสัตว์อย่างน้อย10-15 วัน ระหว่างนั้นหากสัตว์ตัวนั้นตาย ให้นำซากมาตรวจพิสูจน์เชื้อ โดยควรส่งให้เร็วที่สุด ภายใน 24 ชั่วโมง หรือ ติดต่อสำนักงานปศุสัตว์เขต ปศุสัตว์จังหวัด ปศุสัตว์อำเภอหรือติดต่อสอบถาม 
  5. หากเป็นสัตว์จรจัดหรือสัตว์ป่า ไม่จำเป็นต้องติดตามหาสัตว์นั้น แต่ผู้ถูกกัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที