
"ภาษีป้าย" คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายโฆษณาสินค้าต่าง ๆ เช่น ป้ายชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ประกอบการค้า หรือประกอบกิจการอื่นเพื่อหารายได้ หรือ โลโก้บนวัตถุต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยอักษร ภาพ ไม่ว่าจะเป็นป้ายทั่วไป ป้ายบนทางด่วน ป้ายผ้าใบ รวมถึงป้ายไฟที่ใช้เพื่อหารายได้ หรือ การโฆษณา โดยผู้ที่เป็นเจ้าของป้ายที่นำมาติดจะต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีป้าย แม้จะเป็นป้ายขนาดเล็ก หรือเป็นป้ายผ้าใบขนาดใหญ่ ก็ต้องเสียภาษีป้าย ทั้ง 2 แบบ
ในกรณีที่ไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย หรือเจ้าหน้าที่ไม่สามารถหาเจ้าของป้ายได้ ให้ถือว่าผู้ครอบครองป้ายนั้น เป็นผู้เสียภาษี หรือถ้าหากไม่สามารถหาตัวผู้ครอบครองป้ายได้ หากป้ายติดอยู่ที่ไหน เช่น หน้าอาคาร บนที่ดินที่ติดตั้ง ให้ถือว่าเจ้าของสถานที่นั้น ๆ เป็นเจ้าของป้าย และมีหน้าที่เสียภาษีป้าย
ทั้งนี้ อาจเห็นได้ว่า ป้ายที่ผู้เป็นเจ้าของป้ายต้องเสียนั้น ยังมีอีกหลายสถานที่และหลายลักษณะที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องเสียภาษี โดยกฎกระทรวงได้มีข้อยกเว้นไม่เก็บภาษีป้ายที่ติดตามพื้นที่ต่าง ๆ สำหรับป้ายที่มีเข้าข่าย ดังนี้
1. ป้ายที่ติดในอาคาร
2. ป้ายที่มีล้อเลื่อน (ต้องมีการเลื้อนป้ายเข้าออก)
3. ป้ายตามงานอีเวนท์ที่จัดเป็นครั้งคราว
4. ป้ายของทางราชการ
5. ป้ายของโรงเรียนทั้งรัฐและเอกชน
6. ป้ายวัด สมาคม มูลนิธิ
7. ป้ายที่ติดหรือแสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถบดถนน หรือรถแทรกเตอร์
8. ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ยานพาหนะนอกเหนือจากข้อ 7. โดยมีพื่นที่ไม่เกิน 500 ตร.ซม. และอื่น ๆ ตามม พ.ร.บ. ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 กำหนด
อัตราภาษีป้ายตามเกณฑ์ใหม่
เนื่องจากภาษีป้ายได้มีกำหนดใช้มายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ปัจจุบันได้มีการอัพเดทอัตราภาษีป้ายใหม่ เริ่มใช้เมื่อปี พ.ศ.2564 โดยกฎกระทรวงกำหนดอัตราภาษีป้ายไว้ดังนี้
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/098/T_0018.PDF
